ชาวบ้านร่วมแรงฟื้นฟูลำคลองหลังพบขยะสะสมจำนวนมาก
ชาวบ้านบางกระทึกร่วมกิจกรรม "คลองใส ใจสะอาด" ฟื้นฟูลำคลองจากขยะสะสม ปัญหาน้ำเน่า...
“หนูไม่ได้เรียนตั้งแต่ ป.6 แล้วค่ะ ตอนโควิดมันเรียนออนไลน์ หนูไม่มีโทรศัพท์ ก็เลยไม่ได้เรียนอีกเลย”
— “น้องอิง” เด็กหญิงวัย 13 ปีจากจังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาดในประเทศไทยช่วงต้นปี 2563 ส่งผลให้โรงเรียนทั่วประเทศปิดการเรียนการสอนแบบปกติ เด็กไทยกว่าหลายล้านคนต้องเข้าสู่ระบบการศึกษาแบบ “เรียนออนไลน์” ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่พร้อมของทั้งโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง และตัวเด็กเอง
ความไม่พร้อมนั้น กลายเป็นตัวเร่งให้เด็กจำนวนมาก “หลุดออกจากระบบการศึกษา” อย่างถาวร
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในช่วงปี 2564 มีเด็กกว่า 43,000 คนทั่วประเทศที่ออกจากโรงเรียนกลางคัน โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเด็กยากจน เด็กชายขอบ และเด็กในพื้นที่ห่างไกล
เด็กเหล่านี้ไม่เคยเป็นข่าวใหญ่ ไม่ได้เป็นประเด็นในเวทีการเมือง และไม่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทุกวัน พวกเขากำลังเดินห่างออกไปจากโอกาสที่สำคัญที่สุดของชีวิต
การที่เด็กจำนวนมากไม่ได้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา แม้โรงเรียนจะเปิดอีกครั้งในปี 2565 นั้น ไม่ได้เป็นเพียงผลกระทบของโรคระบาด หากแต่สะท้อนถึงโครงสร้างทางสังคมและความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึกมานาน
“ลูกผมต้องสลับกันเรียนกับน้อง เพราะมีโทรศัพท์เครื่องเดียว บางวันไม่ได้เรียนเลย” — ผู้ปกครองใน จ.นครศรีธรรมราช
ตัวเลขของเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาอาจดูไม่มากนักในเชิงสถิติ แต่ในแต่ละจังหวัด แต่ละชุมชน มันหมายถึงชีวิตของคนจริง ๆ ที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปตลอดชีวิต
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ครูหลายคนเปิดเผยว่าเด็กจำนวนหนึ่งออกจากโรงเรียนถาวรเพราะต้องช่วยครอบครัวทำสวนยางหรือค้าขายตามตลาดสด
“เด็ก ม.2 คนหนึ่งต้องลาออกเพื่อมาดูแลน้องเล็ก เพราะพ่อแม่ต้องไปทำงานรับจ้าง ไม่มีใครอยู่บ้าน” — ครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์
ในภาคเหนือ โรงเรียนใน อ.อมก๋อย และแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ รายงานว่ามีเด็กหายไปจากห้องเรียนกว่า 15-20% โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตน ไม่สามารถลงทะเบียนเรียนได้ หรือเดินทางไปโรงเรียนได้ยาก
“บ้านอยู่บนเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีทางที่ลูกจะเรียนออนไลน์ได้” — ผู้ปกครองชาวกะเหรี่ยง
แม้สถานการณ์จะน่ากังวล แต่ในหลายพื้นที่ยังมีความพยายามในการดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง ผ่านหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงของเด็ก
การที่เด็กหลุดจากระบบการศึกษาไม่ใช่แค่เรื่องของการ “ไม่ได้ไปโรงเรียน” เท่านั้น แต่หมายถึงการที่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับความยากจนตลอดชีวิต ตกงานง่ายขึ้น และเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง
รัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าภายในปี 2570 จะไม่มี “เด็กตกหล่น” เหลืออยู่ แต่สิ่งที่ยังขาดคือ “ระบบติดตามและช่วยเหลือแบบรายบุคคล” ที่ลงลึกถึงระดับหมู่บ้าน
เราจำเป็นต้อง:
“หนูอยากกลับไปเรียนค่ะ อยากเป็นครู จะได้ไปสอนเด็กที่ไม่มีโอกาสเหมือนหนู” — น้องอิง กล่าวก่อนจะหันไปเสิร์ฟน้ำแข็งใสให้ลูกค้า
เสียงของเธออาจเบาเกินกว่าจะได้ยินในเมืองใหญ่ แต่อย่าให้สังคมลืมว่าอนาคตของชาติ อยู่ในมือเด็กทุกคน ไม่ว่าจะเกิดที่ไหน หรือมีเงินเท่าไร
ชาวบ้านบางกระทึกร่วมกิจกรรม "คลองใส ใจสะอาด" ฟื้นฟูลำคลองจากขยะสะสม ปัญหาน้ำเน่า...
🎰 เปลี่ยนเวลาว่างให้เป็นโอกาสทองกับ Ufabet168! รวมเกมสนุก เล่นง่าย แตกจริง 💥 ล...
การ์ดจอ AMD ซีรี่ย์ RX 9000 ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 มอบประสิทธิภาพสูง รองรับ Ray...